อย่างที่เคยเล่าให้ฟังคราวที่แล้วแหละครับ..
ภารกิจทำยังไงให้นายป่านรักน้อง..
ตอนนี้เวลาผ่านมาทั้งหมด 3 เดือน
เรียกได้ว่าสำเร็จแล้ว…555
มีภาพความสำเร็จมาเ็ป็นหลักฐานก่อนอันดับแรก
แล้วค่อยมาเล่าช่วงเวลาของภารกิจกันครับ..
การที่ลูกคนเดียวกลายเป็นมีน้องอีกคนมาอยู่ด้วย
และพ่อแม่ต้องแบ่งปันเวลาไปให้น้อง..
การปรับตัวเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับเด็กเลยจริงๆ
เพราะที่ี่ผ่านมาเขาโตมาในฐานะลูกคนเดียวที่ทุกอย่างเทให้เขา
และแล้วอะไรก็เปลี่ยนไป..
2 เดือนแรกสุดยอดมากครับ..
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไม..ในเวลาที่เขาต้องการพ่อหรือแม่
ถึงได้ไม่เต็มที่เหมือนก่อน..
เป็นความผิดของเขามั้ยที่เขาจะเรียกร้องสิ่งเคยได้ประสาเด็ก
และเริ่มจะมองหาว่าอะไรหนอที่ำให้พ่อแม่ของเขาสนใจเขาได้น้อยลง
ซึ่งในที่สุดความรู้สึกนี้จะค่อยๆพุ่งเป้าไปหาน้องเป็นเรื่องธรรมดา
การทำให้รักน้องคงไม่ใช่เรื่องแค่บอกเด็กกับปากว่ารักน้องนะลูก
แหม…ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ…555
นี่แหละครับถึงว่าผู้ใหญ่ต้องละเอียดอ่อนกับเด็ก
เด็กจะมีลักษณะทัศนคติอย่างไร..การอบรมของผุ้ใหญ่สำคัญมาก
อบรมไม่ใช่ด้วยปาก..
แต่ด้วยการกระทำอย่างต่อเนื่องทีละเล็กละน้อยจริงๆ และใส่ใจ
ไม่ใช่ผู้ใหญ่คิดไปเองว่าชั้นทำแล้วนะ..ทำไมไม่ดีขึ้น
แหม..
สักแต่ว่าทำ กับตั้งใจทำมันต่างกันตรงเนี้ย..
และหลายๆที ทั้งความเหนื่อยจากการงานและปัญหาชีวิตของผู้ใหญ่เอง
มันก็ชักชวนให้เรามองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆไปได้ง่าย..
จริงมั้ยครับ..
เหนื่อยนะครับชีวิตของผู้ใหญ่ ปัจจัยที่ต้องคิดมันเยอะอยู่เสมอ
เพียงแต่คำเดียวที่จะทำให้เรามีเวลาให้เขาอย่างใส่ใจได้
ก็แค่คำๆเดียวคือ…”เรารักเขา”
คำๆนี้ำให้เราเอาเวลาที่เราเหลือมาให้เขาได้..
ทั้งที่บางทีเราก็อยากนอนอยู่เฉยๆ..พักบ้างสิ..เหนื่อยนะ(เฟ้ย)..
แต่ความรักจะผลักดันให้เราลุกขึ้นมาคอยสังเกตความรู้สึกของเขาอย่างจริงจัง
เพื่อที่จะประคับประคองให้เขาโตอย่างสมบูรณ์
นายป่านเป็นลูกชายคนแรกครับ..
และผมจะเสียใจมาก
ถ้าหากเราไม่ระมัดระวังใส่ใจความรู้สึกลูก
จนทำให้เขามีความรู้สึกไม่รักน้องของเขาเอง..
โดยที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย..
(เื่รื่องแบบนี้อย่าโทษเด็กครับ
ผู้ใหญ่หลายคนเห็นเด็กทำตัวไม่น่ารัก
ไม่ถูกใจก็ทำเป็นยังกะว่าเด็กมันไม่ดีตั้งแต่เกิด
ทั้งที่วิธีการคิด และทัศนคติของเด็ก
ก็เกิดจากการซึมซับผู้ใหญ่ใกล้ๆตัวทั้งนั้น
เชื่อไหมว่าไอ้นิสัยเสียๆโดยไม่รู้ตัวของเราเนี่ย
เด็กจำง่ายและไวมาก..555)
วิธีแก้ต้องเข้าใจสาเหตุของปัญหาก่อนครับ..
เพราะฉะนั้นผมตัดสินใจคอยสังเกตปฏิกริยาต่างๆของนายป่าน
ว่าเกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ และมีระดับอารมณ์ขนาดไหน
สายตาของเขาเป็นยังไง..
เรื่องนี้ยากเป็นสองเท่า เพราะตอนแรกแฟนก็ไม่เข้าใจ
แถมพ่อตาแม่ยายกำลังเห่อหลานคนที่สอง
และเป็นตัวกระตุ้นสำคัญชนิดแวะมาเยี่ยมทีไรได้เรื่องทุกที..แฮ่ม
เพราะฉะนั้นผมเลยต้องเก็บภาพให้เห็นสีหน้าท่าทางตาป่านเปรียบเทียบ
คือฟ้องด้วยภาพเลยว่างั้นเถอะ..
เรียกได้ว่าจะแก้เรื่องนี้ต้องแก้ที่ผู้ใหญ่รอบข้างเสียก่อน
เพราะผู้ใหญ่นี่แหละตัวดี ทำไรไม่ค่อยคิด แถมดื้อกว่าเด็กอีก..555
ในบางเรื่องก็อีโก้สูงก็ฉันจะทำแบบนี้อ่ะ..โอ..พระเจ้าช่วย
เพราะฉะนั้นอันดับแรกครับ..
ต้องแก้ที่ความเข้าใจของผู้ใหญ่ที่มามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงเด็ก
นี่..เรื่องแรก
ถ้าปรับให้เข้าใจไม่ได้ล่ะก็ประเด็นต่อไปรากเลือดครับ เพราะสาเหตุมันไม่จบ
และที่จริงเราไม่สามารถห้ามปรามได้ร้อยเปอร์เซนต์แม้กระทั่งตัวเราเอง
และตัวเราก็พลาดได้มั่งเหมือนกัน..แฮ่ม
อย่าไปซีเรียสอะไรมาก ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ เมื่อนั้นเมื่อนี้เลยครับ
ค่อยๆทำไป..
….
นี่เป็นรูปที่ผมถ่ายคราวที่แล้วให้คุณแม่เขาดูครับ..
ดูภาพเปรียบเทียบกะตอนก่อนมีน้อง..แววตาผิดกันเลย
ยิ่งมาดสมัยก่อน มาดมั่นๆนี่ไม่เหลือเลย กลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจไปซะงั้น
ดูมาดสมัยก่อนสิครับ..มาดมั่นๆที่เคยเป็นหายหมด
น่าเครียดมั้ย
จะเห็นสายตาเด็กที่เคย fresh สดใส หมองลงอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงแรกๆ ผมบอกได้เลยว่า..
นายป่านไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมคุณแม่ไม่อุ้มเขา
(จะอุ้มยังไงเพิ่งผ่าตัดเย็บแผลมาหยกๆ..อูยย)
แต่เด็กเกือบสามขวบยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับเรื่องแบบนี้
แถมเรื่องสำคัญ..ผมมองสายตานายป่าน
มันเ็ต็มไปด้วยคำถามว่า..
ทำไมคุณแม่อุ้มน้องได้แต่ไม่อุ้มเขา(วะ)…555
แล้วจะแปลกอะไรที่เขาจะรู้สึกต่อต้านน้องขึ้นมา..
แถมใครๆมาก็สนใจแต่น้องธณ..
เอ..มันชักไงๆกันเนี่ย..
นายป่านก็มีหัวใจนะ..เง้อ..
นายธณก็หน้าตา่ชวนผู้ใหญ่เอ็นดุเหลือเกิน..
เนี่ยแหละครับ..ถ้าไม่ไหวทันสังเกตเห็นก่อนตั้งแต่เริ่ม
แล้วทิ้งไว้อีกนานล่ะก็เกิดฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึก..
อนาคตโตขึ้นแย่แน่..
ก็ได้อาศัยเอารูปถ่ายให้ดูนี่แหละครับจึงได้ความร่วมมือจากผู้ใหญ่คนอื่นๆ..
ไม่สังเกตเห็นด้วยตาไม่รู้หรอกครับ..
(รออ่านตอนต่อภาค 2 นะครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อ..555)