ที่จริงงาน Ignite เปิดกว้างให้ใครจัดก็ได้ ใครก็ตามที่ต้องการจะแสดงความคิดก็เปิดเวทีของตัวเองขึ้นมา
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครจัดงานนี้ขึ้นมาเสียที จนกระทั่ง ใน วันที่ 3-4 มีค. 2553 ก็เริ่มปรากฏงานนี้ขึ้นมาจริงๆ
ประมาณ 3-4 ปีเศษ ที่ติดตามงานลักษณะนี้มานาน ก็ถือว่านานแล้วนะครับ ตั้งแต่งานแบบนี้เริ่มใหม่ๆ
รูปแบบงานคล้ายๆกันในบ้านเรา ที่จริงก็มีจัดแล้วไม่ว่าบาร์แคมป์ #barcamp โค้ดเฟล #codefail(โคตร)เฟล
รูปแบบงานแบบนี้มีเสน่ห์น่าสัมผัสเสมอ เพราะมันเอื้อต่อการนำเสนอความคิดแบบหลากหลาย ในสิ่งที่แต่ละคนรู้
คนทุกคนโหยหางานที่มีเสน่ห์แบบนี้ เพราะมันได้เติม แลกเปลี่ยน และถ่ายทอดอะไรดีดีต่อกันครับ
เคยบ่นๆถึงงาน Foobar อยู่บ่อยๆ สงสัยจะต้องเชื่อน้อง @ifew ที่ว่าคิดอยากทำอะไรอย่ารอ 🙂
ทั้งที่จริงเป็นคนชอบทำอะไรที่อยากทำเป็นปกติอยู่แล้ว สงสัยว่าจะต้องคิดจริงจังขึ้นมาอีกสักหน่อย
หลายๆคนในบ้านเราอาจไม่คุ้นเคยกับงานแบบนี้มากนัก
จะเห็นได้ว่าการพูดเรื่องที่อยากพูดทั้งหมด ใน 5 นาที ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ
แม้หัวข้อจะบอกว่าคนพูดจะพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด
แต่สิ่งสำคัญก็คือการเรียบเรียงเนื้อหาที่จะพูดให้พอดีกับเวลาไม่ใช่พูดแค่ไหนหมดเวลาก็จบแต่นั้น
เรื่องของการบริหารเวลาจะเป็นเรื่องที่ Igniter จะต้องทำความเข้าใจในการเล่าและสื่อเรื่องราวใน 5 นาที
ด้วยภาพ 20 ภาพให้ได้ เพราะมันเป็นกฏสากลแบบง่ายๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรยุ่งยากนอกจากภาพติดตัวมา 20 ภาพและเวลา 15 วินาทีต่อภาพ
บางครั้งเรื่องราวที่ผู้พูดรู้ดีและต้องการจะถ่ายทอดกลับจะสูญเปล่าไปกับช่องว่างในการสื่อสาร
และน่าเสียดายหลายๆเรื่องที่ผู้พูดที่ไม่คุ้นต่อการพูดต่อหน้าชุมชน หรือคนจำนวนมากจะต้องประสบ
ความตื่นเต้นอาจทำให้ลืมมุก ลืมเนื้อหาสำคัญๆไปได้เสมอ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก้าวต่อไปต่างหากที่จะเริ่มสนุกสนานและเร้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเมื่อทุกคนเข้าใจหลักการพูดใน 5 นาทีมากขึ้น ความพร้อมที่จะพูดมากขึ้น กับคนที่เตรียมตัวที่จะมาพูดในงานนี้
การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆก็จะดีขึ้น เพราะเนื้อหานั้นคนไทยมีดีไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกันครับ
ลองไปดูตัวอย่างดีดีจากต่างประเทศกันบ้างครับ มีแปลกำกับด้วย สำหรับงานนี้ขอยกความดีให้ผู้จัดอย่าง @iwhale และ TCDC ครับ
ต้องขอยกนิ้วให้เลยจริงๆ รวมไปถึงขอบคุณสปอนเซอร์หลายๆเจ้าด้วย เพราะถ้าไม่มีการสนับสนุน กิจกรรมแบบนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นก็ได้
สิ่งที่สำคัญของงานแบบ Ignite คือ การสร้างแรงบันดาลใจและการถ่ายทอดแรงบันดาลใจ การถ่ายทอดสิ่งที่รู้ มุมมองที่เห็นต่อผู้อื่น
ซึ่งผมเห็นว่ารูปแบบของงาน มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อคนรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังเติบโต และน่าส่งเสริมเป็นอย่างยิ่งในสังคมไทยครับ
ปล.น่าเสียดายที่วันแรกไปไม่ทัน แต่วันที่ 2 ประทับใจอยู่มาก 2 คน คือ คุณหนุ่ย พงษ์สุข กับ คุณกระทิง พูนผล
คุณหนุ่ยเป็นคนพูดต่อเนื่องได้ดีมาก ส่วนคุณกระทิงแค่มาเล่าเรื่องตัวเองก็น่าสนใจแล้ว เพราะมีคนไทยไม่กี่คนที่ทำได้แบบนั้น
รองลงมาคือการเล่าเรื่องของน้องพลอย ชอบมุขที่นึกได้ว่าชอบถ่ายเท้าตัวเอง (ฮา) @ifew กับ 11 วันไปแชงกรีล่าก็สนุกดี ท้าทายด้วย
ในขณะที่ เรื่องเล่าที่ให้พลังที่สุดคือของ อาจารย์ธงชัย โรจน์กังสดาล ครับ ส่วยมุกนิ่มๆยกให้ ดร.เขียนศักดิ์
มีอีกหลายคนที่อยากเชียนถึงแต่ตีหนึ่งแล้ว ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ ที่เหลือขอยกไปลงในทวิตเตอร์เช่นเคยครับ
ปิดท้ายด้วยคลิปตัดเองเล่าเองเช่นเคยครับ..สนุกดีที่ได้ทำ
ในอนาคต การเล่าเรื่องตัวหนังสือประกอบคลิปคงจะเป็นทางเลือกใหม่ๆของคนชอบเขียนชอบเล่าบนเว็บอีกวิธีหนึ่งครับ
ปล.2 พูดถึง แรงบันดาลใจของหนุ่ย พงษ์สุข มาจากไมเคิล แจกสัน
แต่ของผมมาจากคนนี้ครับ นิค วูจิซิค