ไปดูแล้วติดหนึบเพราะพลอตนำเสนอของเรื่องเลยครับ
ทั้งที่ปกติจะเป็นลูกช่างติ ตามประสาคอหนัง (ที่ร้างราไปนานแล้วตั้งแต่ลูกคนแรกเกิด)
ขออนุญาตเขียนถึงนิดนะครับ ..
ไม่มีหนังที่ทำให้ต้องน้ำตาซึมแบบนี้มานานแล้ว
ก่อนอื่นขอโทษเพื่อนๆที่ไปดูรอบนี้ด้วยกันด้วยนะครับ ไม่คิดว่าจะพาครอบครัวไปดูหนังนานแล้วครับตั้งแต่มีลูก
ที่ชอบและโดนอย่างแรง คงจะเป็นพลอตการนำเสนอของเรื่อง
มันชวนให้ถามตัวเองว่าความรักที่เรามีอยู่นั้น เป็นความรักแบบไหน
และถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นมา
เราจะอยู่เคียงข้างคนที่เรารักขนาดไหน
หรือถ้าเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเรา
และคนที่บอกว่ารักเราจะอยู่เคียงข้างกับเราชั่วชีวิตไหม
..
ผมเคยมีความรักแบบเด็กๆ และแบบคนที่โตผ่านโลกมาแล้ว
แต่ สุดท้ายมันก็จะมาจบที่ ความรัก ที่ตั้งใจว่าจะอยู่เคียงข้างกับคนที่เรารักคนนี้จนแก่จนเฒ่า ฝากผีฝากไข้ในยามเจ็บป่วย ฝากชีวิตให้ดูแลกันได้
หนังเรื่องนี้ สะกิดคำถามให้ผมมากกว่านั้น
และถ้าคนที่คุณรักเป็นแบบนี้ คุณจะอยู่เคียงข้างเขาไหม
มันจะเป็นวันเวลาที่น่าเบื่อของคุณ หรือวันที่คุณมีความสุขอยู่ได้เพราะคนๆนั้นคือคุณที่คุณรัก
เรื่องคอนเซ็ปต์นี้ดูน้ำเน่า แต่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าในชีวิตจริงมีเรื่องของคนมากมายที่เกิดขึ้นจริงๆแบบนี้
มันจึงไม่เน่า และเป็นคำถามจริงๆ
ไม่ต้องอะไรมาก เอาแค่คนที่เรารักป่วย
และดูแลตัวเองไม่ได้สักระยะหนึ่งที่นานพอดู
คุณจะดูแลด้วยเงินจ้างคนอื่นมาดูแล หรือว่าจะมาดูแลเขาด้วยตนเองบ้าง
หรือจะดูแลเขาด้วยตัวเองทั้งหมด
ทั้งเช็ดขี้เช็ดเยี่ยว (ขออภัย แต่คือความจริง) เปลี่ยนชุด ซักผ้า ชำระสิ่งปฏิกูล และปรนนิบัติคนที่เรารักได้ในระดับไหน
และในมุมกลับกัน ถ้าเราเป็นคนที่นอนอยู่ตรงนั้น
เราคาดหวังว่าคนที่รักเราจะทำแบบไหน และดูแลเราอย่างไร
เรื่องเหล่านี้ทำไม่ง่าย ยิ่งนับวันยิ่งน่าเบื่อ
และคุณมีความรักที่เป็นความรักจริงแท้
หรือจะทิ้งทุกอย่างไปหาคนอื่นเริ่มต้นความรักใหม่
ปลดภาระที่คุณคิดว่าไม่สำคัญ หรือเดินหน้าอยู่เคียงข้างคนที่คุณรักจวบจนวันที่จะต้องจากตายกัน
หนังเรื่องนี้มันถามถึงวัยอีกวัย
วัยที่เราไม่ใช่คนหนุ่มสาว และแก่วัยลงเรื่อยๆ ไม่มีรูปโฉมล่อตาล่อใจ
ใครที่รักเรา และใครที่เรารัก
ใครที่เราฝากชีวิตไว้ได้ในยามที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
และเขาฝากชีวิตไว้กับเราได้ในยามที่เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
หลายคนไม่ต้องการ หรือกลัวที่จะพบว่ามันเป็นการปรบมือข้างเดียว ?
และเหตุผลข้อไหนบ้าง
ที่ทำให้เราไม่เลือกที่จะมีความรักแบบนี้ในชีวิต
ทั้งที่เราน่าจะทำได้ ถ้าเจอใครสักคนที่คิดแบบเดียวกับเรา
และคนๆนั้นใช่คนที่เราคบอยู่ในปัจจุบันไหม
นอกจากนั้นหนังสวยมากเลยครับ
ถ้าทีมนี้คิดจะทำหนังส่งเสริมทริปท่องเที่ยวสนุกๆ ผมว่าแจ่มใสอย่างมาก
เพราะดูแล้วชวนให้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าขับรถออกไปเที่ยวมั่ง…555
ในส่วนตัวผมว่าหนังเบาไปตรงที่ทั้งคู่ยังไม่แต่งงานกัน
ถ้าเพิ่งแต่งงานกันแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้
มันวัดชีวิตหนังของคู่สามีภรรยาที่ตัดสินใจฝากชีวิตกันแล้ว
แต่พลอตนี้ ถึงแม้มันจะเบาลงไปบ้าง แต่มันก็ขมวดได้ดีพอควร
แม้ ผมจะแอบสงสัย(แต่ลืมถามพี่ออฟ) ว่าถ้าเป็นลูกเรา เราจะมอบหมายให้คนอื่นที่เป็นแฟนลูกเราดูแลแบบนี้หรือเปล่า ความรักของพ่อของแม่มันยิ่งใหญ่มากเลยนะสำหรับตัวผม (คงจะไม่ยอมแน่ๆ)
แต่ก็ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้
อีกช่วงคือช่วงที่สื่อถึงความกระวนกระวาย ความสับสน และความเป็นห่วงของพระเอกที่จะต้องทิ้งให้นางเอกอยู่คนเดียว ตอนแรกผมไม่ชอบเลย
แต่กลับมานึกว่า เออ..มันก็สื่ออารมณ์มาถึงเราได้นี่นา ถึงจะไม่สละสลวยนัก แต่ชีวิตจริงมันก็ไม่มายาและงดงามหะรูหะรานักหรอก
คนเรามันเป็นได้ทุกอย่างทุกอารมณ์ในยามสับสนกันทั้งนั้นแหละ
หรือเราไม่เคยเป็น
แต่ที่สำคัญ เราคิดจะมีความรักที่ยั่งยืน และฝากชีวิตไว้กับใครได้บ้างไหม
และเรากำลังจะทำมันอยู๋ หรือปฏิเสธหลีกหนีก่อนที่จะไปพบตัวเองแก่อย่างไร้ใครในชีวิตบั้นปลายที่แสนเหงา
อย่างนั้นหรือ
ขอขอบคุณทางโมทีฟ พลัส คุณ love cake และทาง pantip.com ด้วยนะครับ
ส่วนแรกเป็นการร่วมกิจกรรมดีดี ที่เกิดจากกระทู้พันทิป และทางโมทีฟ พลัส ตอบรับ
ทางโมทีฟ พลัส ร่วมบริจาคเงิน 1 แสนเติมให้ด้วย
ผมไม่ได้ดูหนังดีดีมานานแล้ว และในอนาคตอีกนานทีเดียว
เป็นหนังที่อยากดูกับแฟนมากๆด้วยแนวนี้ (แต่ติดลูก 2 ไม่มีโอกาส)
เรื่องสุดท้ายที่ได้ดู อนันดา คงจะเป็น โลง ต่อ ตาย ครับ แต่รอบนี้เขาเล่นได้อารมณ์รักดีชะมัด
ความรักแบบนี้ คุณอยากมีไหม !!!
ภาพส่งท้ายบรรยากาศงาน
ผมว่าที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีเพราะพี่ออฟกำกับครับ เหตุผลเพราะตัวพี่เขาก็มีความรักที่จริงจัง จริงใจ และเป็นธรรมชาติ
คนที่รักลูก รักเมีย และตั้งใจจะมีชีวิตกับคนที่รักไปจนแก่จนเฒ่า และตายจากกัน
(พี่ออฟนี่เป็นพระเอกในดวงใจผมตั้งแต่ยุคเกมพลิกลอค..ยันเป็นนักร้องสไตล์เฉพาะตัว มาเป็นผู้กำกับก็ยังเท่)
ทิ้งท้ายด้วยข่าวนี้ครับ ความรักที่แท้จริงของบุคคลในครอบครัว สำหรับอาการป่วยของคุณ ”ดี๋ ดอกมะดัน”
และอดีตพระเอกภาพยนตร์ ”อโนเชาว์ ยอดบุตร” รวมถึงความรักอมตะอย่าง คุณตาลอบคุณยายทอง
คุณอโนเชาว์ ยอดบุตร ปีนี้เป็นเจ้าชายนิทรา มากว่า 25 ปีแล้ว ส่วนคุณดี๋ ปีนี้เป็นปีที่ 2
และความรักแท้ๆแบบนี้ ไม่ได้มีแค่ 2 ครอบครัวนี้นะครับ มีคนอีกมากมายในบ้านเราที่เจอเรื่องแบบนี้
และคงมั่นดูแลคนที่ตัวเองรักมาตลอด
ทีมงานภาพยนตร์เรื่อง ”แฮปปี้เบิร์ธเดย์” นำโดย ”อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง และค่ายโมทีฟพลัส จึงจัดงาน ”เติมกำลังใจให้รักแท้” เพื่อมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับ 3 ครอบครัว ครอบครัวละ 1 แสนบาท ซึ่งตัวแทนรักแท้ ได้แก่ น.อ.หญิง เอื้อมพร ยอดบุตร พี่สาวของ อโนเชาว์ ยอดบุตร, เสาวภา ศรีสวัสดิ์ และ ”บีม” พรรณวรินท์ ศรีสวัสดิ์ ภรรยาและลูกสาวของคุณดี๋ ดอกมะดัน, ครอบครับคุณตาลอบและยายทอง (อมร สีสุภเนตร) ณ ห้องออดิทอเรียม อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ในวันพุธที่ 7 มกราคม 2552
ผมขออนุโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่งจากใจ