เกมกลยุทธ์ ปี 2 ตอน ๓ | ภารกิจคิดผลิตภัณฑ์ใหม่

เทป 3 สำหรับเกมกลยุทธ
ผมว่า เริ่มจะเข้ารูปเข้ารอยของคำว่าเกมเป็นเกมยิ่งขึ้น

อันดับแรกคือที่คาดไว้ว่า จะมีการคละทีมโดยการใช้การเลือกบุคลากร
ซึ่งก็ทำจริงๆในตอนนี้ และกระบวนการแบบนี้
เป็นกลยุทธที่สำคัญของกรรมการทีเดียว ในเกมนี้

น่าเสียดาย คือ การที่ไม่ให้ดูกระบวนการเลือกจนจบ
กระบวนการเลือกบุคลากรแบบนี้ สำหรับเกมเรียลลิตี้
ความกดดันระหว่างเลือก และการที่คนที่มีสิทธิ์ เลือกจะเลือกใคร
เป็นการลุ้นของคนดู(ที่ออกอยากรู้อยากเห็นอย่างแรง)
ที่ไม่น่าตัดข้ามตอนไปเลย

ถ้ามองในแง่การติดตามของคนดู
ที่จะเห็นกระบวนการตั้งแต่ต้น จนจบ
จะเห็นภาพรวมของเกมมากขึ้นและสนุกกับความเป็นเรียลลิตี้
ไปพร้อมๆกับสาระที่ได้ ได้น่าติดตาม น่าลุ้น

ส่วนที่สอง คือ โจทย์ที่ใช้คราวนี้
เป็นโจทย์บนกระดาน ที่จะขับเน้นด้านกลยุทธเฉพาะตัวที่เด่นชัดขึ้นมา
โดยไม่มีตัวแปรภาคสนามเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นชัดเลยว่าใครมีบทบาท
ทั้งที่พยายามมีบทบาทในทีม หรือทีมต้องพึ่งพาบทบาท
(ที่งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน) และจะทำให้กรรมการเห็น รวมถึงคนดูที่รู้สึกได้
ไปจนถึงอีกด้านของการทำงานร่วมกัน การใช้ศักยภาพของทีม
และการถ่วงดุลกันเอง

เหตุผลที่ผมเรียกว่าโจทย์บนกระดานเพราะ
ที่จริงแล้วภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ต้องละเอียดอ่อนมาก
และใช้เวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะได้แนวทางที่คิดว่ามันใช่
ด้วยองค์ประกอบที่ต้องคำนึงถึงและมีข้อจำกัดมากมาย
ที่คนที่คร่ำหวอดในวงการถึงจะพอมองภาพรวมทั้งหมดได้
ค่อนข้างครอบคลุม และไม่สามารถมองผิวเผินได้

แถมถ้าว่ากันตามตรงแบบตรงไปตรงมา
ก็ยังต้องบอกว่า ถึงขนาดคนที่คร่ำหวอดในวงการ
ก็ยังต้องส่ายหัว หลงทาง และตกม้าตายกันมาเยอะ
เพราะที่คิดนั้นเมื่อโดดลงสนามไปในตลาดจริงๆ นั้น
อาจจะเพิ่งเห็นว่ามันยังไม่โดน และต้องปรับต้องแก้อีกมาก
ทำไปปรับไปจนตบให้เข้าที่

ตลาดของจริง ถึงแม้จะมีการวิจัยที่พอเห็นแนวทาง
ก็ยังใช่ว่าจะตอบอะไรจบทั้งหมด

ตัวอย่างของโอสถสภาที่เห็นได้ชัดก็คือ เอ็มร้อยห้าสิบ
ที่ปรับเปลี่ยนกลยุทธมาจนลงตัวในปัจจุบัน
ถ้าเปรียบกับตอนเริ่มต้นสมัยแรกๆ กับปัจจุบัน
ตั้งแต่ตามหลังกระทิงแดง แล้วปรับกลยุทธ์ลง
จับทางถูกจนกลายเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาด
ก็จะเห็นว่ากลยุทธ์นั้นคนละเรื่องทีเดียว

เพราะฉะนั้นเรื่องคิดในสัปดาห์เดียว คิดผิดคิดใหม่
เป็นเรื่องที่ไม่ว่ากันเลยจริงๆ ขอให้กระบวนการคิด
มีข้อดี มีจุดเด่น ที่เห็นแววออกมาเป็นใช้ได้

และแต่ละทีมก็เห็นแววกันหลายคน
ที่เด่น คือ การคิดชื่อ วางภาพลักษณ์ในใจผู้ซื้อ
เรื่องนี้ผมเห็นว่าน่าสนใจ

ที่จริงแล้วในแง่มุมของคนจีนจะเห็นว่ายึดติดกับ sign
สัญลักษณ์ของโชค ความเฮง ความสมบูรณ์เป็นมงคล
ถ้าวางลงตัวจนขยายเป็นเทรนด์ได้ อีกมากมาย
เช่น เวลาที่เจ็บป่วย นิยมเอาอาหารเสริมไปเยี่ยมไข้
ถ้าเป็นเทรนว่าต้องซื้อ 8 ไปเยี่ยมไข้ เพราะว่า
แสดงถึงความรู้สึกมงคล ให้หายเร็วๆมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
แน่นอน sign แบบนี้ ขยายผลไปถึง ปีใหม่ ตรุษจีน วันเกิดได้เลย
นี่คือกลวิธีคิดที่น่าสนใจและขยายผลได้ เป็นแต้ม +1

นอกจากนั้นการทดสอบความคิดตัวเองโดยลงพื้นที่
เพื่อให้ทีมได้สัมผัสกับแนวความคิดกลุ่มหนึ่งของผู้บริโภค
ก็ช่วยได้มากในการตบความคิดให้เข้าทาง
ดีกว่าคิดไปจากข้อมูลที่ให้อย่างเดียว

ส่วนอีกทีม แนวความคิดการต่อยอด
ถือเป็นกลยุทธที่ดี เพราะสินค้าที่ต่อยอด จุดแข็ง คือ
สินค้านั้นย่อมต้องผ่านการศึกษาวิจัยอย่างเข้มข้นมาแล้ว
ทำให้มุ่งหาทิศทางที่ชัดเจนในการเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้เลย
เช่น มองถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่ยังมองข้าม ไปจนถึง
การเจาะ segment กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะเฉพาะ
เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและเห็นช่องว่างบางอย่าง

เทปนี้ ผมเห็นว่าความรู้เฉพาะทางของ บู๋
ช่วยตบ segment ได้ดี
และเป็นคำตอบที่อ่านทาง
และตีโจทย์ทะลุถึงพฤติกรรมผู้บริโภคได้ลงตัวทีเดียว
ด้วยพื้นฐานที่ร่ำเรียนมาทำให้ บู๋
ตีโจทย์จากพื้นฐานคุณสมบัติสินค้า
และมองแง่มุมต่อยอดได้ขาด
ทำให้ทีมนี้แน่นในแง่ของทิศทางที่ชัดเจน
ซึงถือเป็นแต้มต่อ + 1 ทีเดียว

แต่ขณะเดียวกัน
เทปนี้ดูเหมือนจะชี้จุดอ่อน บู๋
ในการมองข้ามส่วนสำคัญของโลโก้ไว้แรงทีเดียว
เพราะว่าที่จริงกว่าจะคิดออกมาจบแล้ว โลโก้เรียกว่าจะไปแตะไม่ได้เลย

เหตุผลหลัก คือ มันได้ผ่านการสรุปจากทุกฝ่ายมาแล้ว กว่าจะมาเป็นข้อสรุปอย่างที่เห็น
ยกเว้นว่าจะใช้ชื่อสินค้าใหม่ไปเลย ซึ่งจะทำให้อิสระกว่าในการคิดชื่อ
(ที่จริงเรื่องนี้ มันอยู่ที่อ่านตลาดก่อน ถึงจะมาคิดว่าต่อยอด หรือสินค้าใหม่)
สำหรับ “เกม” ถือว่า +1ครับ
การต่อยอด นั้นเป็นทางเลือกที่มาก่อนการออกสินค้าใหม่
และแน่นอน เมื่อฝ่ายหนึ่งเลือกต่อยอด (ต่อรอยใหม่ๆ)
ในขณะที่อีกฝ่ายคิดผลิตภัณฑ์ใหม่(ซึ่งเหนื่อยกว่า)
รายละเอียดการบ้านที่มากกว่าย่อมเปิดรูรั่วให้มากกว่าในเกม

ส่วนที่เหลือที่จริงแล้วน่าจะใกล้เคียงกันมาก สำหรับเกมนี้ครับ
เชื่อว่า ตัดสินได้ยากสำหรับกรรมการ และคนดูเอง
แต่ตัวที่จะสรุปในเกมนี้ก็คือการวิจัยการตอบรับการตอบสนองสินค้า
ของตัวแทนกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น ที่จะทำให้เห็นภาพได้มากที่สุด

ภารกิจแบบนี้ ควรมองว่าเป็นเกม
และเป็นแค่ภารกิจจำลองที่ทำให้ผู้ดูเข้าใจที่มาของการคิดค้นผลิตภัณฑ์
ยังผิวมากๆสำหรับกิจกรรมจริง เพราะข้อจำกัดที่มากมาย
ตั้งแต่ต้นทุนการผลิตที่สอดคล้องกับเพดานราคาในท้องตลาดที่เหมาะสม
ข้อจำกัดของบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่ ต้นทุนขวดแต่ละแบบ
คุณสมบัติและข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์ (เช่นถูกแสงไม่ได้ มีตะกอนไหม)
ที่จะเป็นตัวบังคับว่าจำเป็นต้องบรรจุในรูปแบบไหน

รายละเอียดที่เยอะมากกว่า 1 สัปดาห์และเทป ชม.ครึ่งจะถ่ายทอดได้หมดนี้
ย่อมไม่สามารถถ่ายทอดทั้งหมดออกมาได้ แต่ก็ทำให้เห็นภาพรวมได้

จึงถือว่าเป็นภารกิจที่ควรดูสำหรับนักศึกษาด้านการตลาดโดยตรง
และสำหรับคนที่สนใจความรู้รอบตัว เรื่องนี้ก็น่าสนใจ
และสามารถนำไปประยุกต์ได้มาก

ในแง่เกม เทปนี้ที่ขาดไปบ้างที่ผมเห็นว่ามีผลต่อการติดตามของคนดู
คือ ที่จริงน่าจะถ่ายทอดให้เห็นบ้างว่าแต่ละคนในทีมได้มีบทบาทในทีมอย่างไร
จับหัวหน้าทีมมาเล่าบ้างก็ได้ว่าเทปนี้วางตัวใครอย่างไร และแต่ละคนที่มาเล่าว่า
ตัวเองกำลังทำหน้าที่อะไรในทีม ซึ่งจะขยายรายละเอียดของทีมให้คนดูเห็นภาพ
และผู้ชมจะได้เห็นบทบาทโดยเฉลี่ยของทุกคนมากขึ้น ตามลักษณะของเรียลลิตี้
และจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม แต่มีบทบาทในทีม
รวมถึงถ่ายทอดช่วงเวลาของการโหวตด้วย (เทปนี้ปรับใหม่แบบ positive เลือกคนที่อยากให้อยู่)

แต่ก็ยังเชื่อว่า ถ้าจำนวนคนน้อยลงในเทปต่อๆไป
คงจะมีเนื้อที่ให้กับเรื่องเหล่านี้บ้างครับ

6 Comments

  1. ขอตอบเรื่องการเลือกคนครับ

    คือ การเลือก มี คอนดิชั่นเพิ่มขึ้นมาคือ ห้ามเลือก คนจากกลุ่มเติม เกิน 2 คน

    ทำให้ ฝน ที่เลือก ผม กับ พี่ติก ได้ตัว ฝ้าย และ ลูกตาล มาจากทีมหญิงคราวที่แล้ว

    และ ในทางกลับกัน จุ๋ม ที่เลือก ดิว กับ นุ้ย ได้ตัว บู๋ และ ดีเจ ไปจากทีมชายครับ

    เทปนี้สนุกดีครับ และยากมากทีเดียวในการทำการสำรวจตลาด เพราะต้องสำรวจกับคนจีน แท้ๆ ที่ต้อง ไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานจน พฤติกรรมในการซื้อสินค้าเปลียนไป จริงๆทางทีมมีเพิ่มเติมการสำรวจ จากอินเตอร์เนตด้วยนะครับ ไม่ได้แค่ไปที่คิงพาวเวอร์อย่างเดียว

  2. manee มีตา

    เพิ่งจะออกจากถ้ำมาอ่านค่า
    อาทิตย์นี้คุณนันสรุปสั้นจัง
    อ่านไม่จุใจ

    เรื่องเกี่ยวกับพวกผลิตภัณฑ์ใหม่
    จำได้ว่าสมัยก่อนคุณนันท์เคยเล่าว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำ R&D
    น่าจะถือโอกาสเอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

  3. เทพการตลาด

    หัวข้อของตอนนี้ไม่ใช่ภารกิจอาทิตย์เดียวอย่างคุณนันท์ว่า
    แต่อีกด้านผมมองว่าเด็กๆพวกนี้โชคดีที่ได้โจทย์แบบนี้
    เพราะจะได้ฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ ที่ปกติโอสถสภาไม่เปิด

    ในด้านของโอสภสภา สำหรับทีมที่ใช้วิธีต่อยอดตัวเปปทีน
    น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะตอนนี้ตัวเปปทีนเองก็ยังหาจุดลงไม่ได้แน่นอน

    เหตุผลเพราะผู้บริโภคไม่คุ้นเคยง่ายๆ

    ส่วนในการแข่งขัน การมาคิดผลิตภัณฑ์ใหม่
    แค่สูตรและรสชาติที่ลงตัว และผู้บริโภคยอมรับ
    อาทิตย์เดียว ก็ไปไม่ถึงไหนแล้ว

  4. ฝัน

    อยู่ๆวันนี้ก็นึกถึง ตี้ ในเคสปีที่แล้วค่ะ เปรียบเทียบกับ ดีเจ ปีนี้
    ที่ขยำกระดาษโหวตให้กรรมการ
    รู้สึกว่ามันต่างกันจัง

    นอกเรื่องไปหน่อย
    เทปนี้ ถ้าเป็นตามแบบที่คุณ Jexep ว่า

    เท่ากับ ชุดบังคับ คือ ลูกตาล กับ ฝ้าย
    และอีกทีม คือ บู๋ กับ ดีเจ ที่จะต้องเปลี่ยนทีมในสภาพแวดล้อมกดดันกว่า
    เพราะ 2 คน แรกมาจากการเลือก คือ คุณจิ๊บ และคุณติก
    รวมถึง ดิว และนุ้ย ของอีกทีม

    ตามลักษณะทางจิตวิทยาแล้วจะมองออกว่า
    การเลือกแบบนี้มีนัยยะแฝงทางจิตวิทยาค่ะ
    เพราะ 1 คน แรก ถ้าให้เลือกคนอยู่จะนึกถึงใคร

    ในสถานการณ์แบบนี้
    ก็จะเลือกคนที่ตัวเองเลือกก่อนโดยไม่รู้สึกตัว
    ส่วนคนที่ถูกเลือก จะเลือกกลับโดยนัยยะเช่นกัน

    แน่นอนคนที่อยู่ในชุดบังคับที่ไมาเคยร่วมทีมกันมาก่อน
    จะอยู่ในความเสี่ยงกว่า ถ้าพูดถึงแง่ของคนที่อยากให้อยู่
    ย่อมเป็นรายชื่อรองๆลงไป นี่เป็นกลไกพื้นฐานที่ bias แฝง
    โดยที่ตัวคนเลือกอาจไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยก็ได้

    ถ้าเปิดโผการเลือก ทายลาวงหน้ากันได้เลยค่ะ ว่า
    น้ำฝนจะเลือก คนที่อยากให้อยู่ คือ จิ๊บ ติก
    คุณจิ๊บ เลือก ติก น้ำฝน
    ติกเลือก จิ๊บ น้ำฝน

    สาวนฝ้ายจะเลือก ลูกตาล 1 ชื่อ แล้วตามด้วยคนที่ตัวเองยอมรับในทีม อีก 1
    และลูกตาลก็จะเลือก ฝ้าย 1 ชื่อ แล้วตามด้วยคนที่ตัวเองยอมรับในการทำงานอีก 1

    ถ้ามองในเรื่องการตลาด อาจจะช่วยนำเสนอความคิดไม่ได้
    แต่ถ้าในแง่จิตวิทยาของเกม จะสามารถวิเคราะห์ได้ง่ายกว่า

    สรุปว่ายังไงๆ เทปนี้ ลูกตาล กับ ฝ้าย ได้ชนกันแน่
    และมองแววออกด้วยว่าเทปหน้าใครมีสิทธิ์ที่จะออกบ้าง
    เชื่อไหมคะ

    อ้อ มาส่งการบ้านของอาทิตย์ที่แล้วค่า
    http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7878907/A7878907.html

  5. -__-‘
    เพิ่งรู้ข่าวเรื่องเกมกลยุทธ์ปี 2 เลยรีบไปดูย้อนหลังที่เวปช่อง 9

    ชอบโจทย์เกม 3 นะ แต่เสียอยู่ตรงที่ว่า การเล่าเหตุการณ์มันขาดอรรถรส เหมือนพลาดที่จะเล่าจุดไคล์แมกซ์ และไปยืดเรื่องในช่วงที่ไม่ควรยืดน่ะ

    จริงๆ อยากรู้มากว่า คำถามที่จะเป็นหมัดน็อคของดร. สุมาสคืออะไร แต่ลูกตาลตอบคำถามสุดท้ายด้วยหมัดเด็ดมากๆ สร้างจุดแข็งให้ตัวเองและแสดงจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้เลย

    ป.ล. เห็นด้วยกับคุณเทพการตลาดเรื่องเปปทีนยังหาจุดลงตัวไม่ได้นะ ตัวเราเองยังไม่กล้ากินเลย.. เพราะภาพการโฆษณามันติดกลิ่นไอของเครื่องดื่มชูกำลังมาน่ะ ซึ่งภาพลักษณ์เครื่องดื่มชูกำลังในสายตาเรามันเหมือนสินค้าหลอกให้ซื้อ อีกทั้งเรายังงงว่าเปปทีนนี่มันเป็นนมหรือเปล่า? แล้วมันมีประโยชน์ต่อสมองที่เหนือกว่านมปกติธรรมดาทั่วไปยังไง?

  6. Buu

    สวัสดีครับ

    โดนวิจารณ์เรื่องการตัดโลโก้ในเทปไปเต็มๆเลย ก็น้อมรับความคิดเห็นจากทุกคนแล้วจะนำไปพัฒนาตนเองต่อไปครับ
    ผมเห็นด้วยกับพี่นันครับเรื่องการถ่ายทอดขั้นตอนการเลือกทีมที่ไม่ชวนผู้ชมให้ติดตาม และเนื่องจากภารกิจนี้เป็นภารกิจบนกระดาน การระดมสมองในห้องจะเป็นส่วนสำคัญมากๆ แต่เทปก็ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นการทำงานของกลุ่มได้ อย่างไรก็ตามทั้งทีม1 และ 2 คิดและทำงานหนักมากๆครับ มากจนไม่สามารถออกอากาศได้ครบถ้วน

    ในด้านของทีม 2 ผมอยากจะแชร์เพิ่มเติมว่า กว่าจะเป็นไป่เทียน เสี่ยวหายพลัส(ชื่อภาษาจีนที่อยู่packagingที่เราตั้งเพื่อการลงตลาดจีนจริงๆ) หรือเป๊ปทีนคิดส์พลัส(ชื่อที่ออกอากาศ)ได้นั้นก็อาศัยการระดมสมองของทุกคนในทีม การวิจัยถึงรสชาติที่เด็กๆชอบจาก journal และการที่เราไปทดสอบกับเด็กจริงๆ (กล้องไม่ได้ตามไปถ่าย เลยไม่มีออกอากาศน่ะครับ)

    ต้องขอบคุณเพื่อนๆในทีมอีกครั้ง ขอบคุณทีม 1 ที่ทำให้ภารกิจนี้เข้มข้น และขอบคุณพี่นันที่สร้างบอร์ดนี้ไว้ให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนกันครับ

    บู๋

Comments are closed.