ที่จริงมันแยะยากนะ ระหว่างอยากทำกะควรทำ
สองอย่างนี้มันจะปะปนอยู่ในชีวิตเราพอสมควร
วันที่ 5 กค.นี้ ครบกำหนดวันแห่งความจำวันหนึ่งในชีวิตมากๆ
เพราะเป็นวันครบรอบไฟไหม้บ้านเมื่อปีที่แล้ว
วันนั้นไม่ได้อยู่บ้าน ทำงานและค้างอยู่ที่ไซต์งานหมู่บ้านของรุ่นพี่ที่เรียนด้วยกันที่จุฬา
(แกลากไปให้ช่วยงาน ช่วยดูแลเรื่องทำตลาด แต่ที่จริงก็สากกะเบือยันเรือรบ..แฮ่ม)
แล้วก็เลยขนแฟนกะลูกไปนอนโน่นเพราะขี้เกียจขับรถไปมาทุกวัน
เปลืองโดยไม่จำเป็นทั้งเวลาและแรง
อีกอย่างรำคาญน้องชายตัวเอง เมาแล้วช้วนบ่อย
ไอ้เรามันคนทำงานตลอดเวลา เวลางานค้างๆแล้วต้องไปคุยกะคนเมานี่มันเหนื่อยยยย..
ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายสักพักก็เพราะน้องชายทะเลาะกะแฟน
ลูกชายร้อง น้องชายเมา โวยวายใส่เด็ก
คนเป็นแม่ก็มีน้ำโห ใครที่ไหนมันจะห้ามเด็กร้องได้
คนโมโหกะคนเมาเจอกัน บ้านแทบแตก
ส่วนตัวผมมาตบะแตกจริงๆ ตอนคุณยายแวะมาโวยวายที่บ้าน
ถึงได้รู้ว่าน้องชายเอาเรื่องนี้โทรไปฟ้องแม่ที่ญี่ปุ่น
เฮ้ย…มันอะไรกันนักหนา น้องผมมันถึงขนาดชีวิตรันทดโดนรังแกแบบพจมานหรือไงนั่น
ที่สำคัญวันนั้นเมา คนเมาไม่น่าถือสา
แต่ตอนโทรฟ้องนี่สติสมบูรณ์แหงม…
รับไม่ได้รับบอกตามตรง…เพิ่งเคยรับอะไรไม่ได้ก็คราวนี้
อารมณ์แบบห่างกันอย่างน้อยสามร้อยโยชน์ เคยเจอไหมครับ
คือใครที่เรารับไม่ได้นี่ เราไม่อยากพบไม่อยากเจอ มันวุ่นวายนักร้อนนักก็ห่างไปเสียดีกว่า
เก็บความรู้สึกหนึ่งปีที่อยากระบายจริงๆ..เซ็ง แต่เซ็งแบบคนที่โตๆแล้ว ทำไงได้
ซ้ำสองเกิดเรื่องอีกรอบ ทั้งที่น้องชายอยู่บ้าน
เพื่อนแถวบ้านโทรมาบอกว่าบ้านไฟไหม้… 🙂
อยู่มาตั้งแต่ปี 2530 ตอนเริ่มเรียนที่ธุรกิจบัณฑิตย์ปีหนึ่ง
ถามว่าเคยคิดไหมว่าไฟจะไหม้บ้าน ตอบตามตรงไม่เคยคิด
นี่เกิดอะไรขึ้น…
วันต่อมากลับไปดูบ้านตัวเองที่เคยอยู่
มันเหมือนเป็นภาพที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยคิด
ยืนมองนิ่งๆ มีเพียงสติรับรู้ จังหวะนั้นี่พิจารณาธรรมชัดที่สุด เพราะมันไม่มีอะไรเหลือ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเรา วินาทีนั้นสติลึกๆวางทุกอย่าง
ไม่มีอาการโวยวาย หรืออาการไร้สติใดใดเกิดขึ้นกับผู้พิจารณาธรรมและเห็นธรรม
ทางธรรมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่มีค่า
แต่ทางโลกนั้น ต้องใช้เวลาพอสมควรจริงๆที่จะเรียนรู้ว่า
ทำไมเขาถึงบอกว่า โจรปล้นบ้านสิบครั้งไม่เท่าไฟไหม้บ้านครั้งเดียว
หนึ่งปีที่ผ่านมา
ค่อยๆสอนให้เรียนรู้ถึงความหมายของคำๆนี้ทีละน้อย
เริ่มต้นเก็บเงินใหม่ วางแผนชีวิตใหม่
เพราะแปลนที่คิดเดิมมันไม่ใช่อีกแล้ว
มีสิ่งอื่นที่ต้องคำนึงถึงมากมาย ทั้งลูกชายสองคนที่ยังเล็ก
ค่าใช้จ่ายครอบครัวที่เคยใช้สบายๆ ต้องเริ่มวางแผนใหม่
ถ้ายังคิดจะมีบ้านอีกครั้งในชีวิต
ถึงจะพอมีอยู่บ้างไม่ได้เริ่มจากศูนย์เสียทีเดียว (ปลอบใจตัวเอง..555)
สาหัสครับ
นี่เป็น case study ของการไม่เตรียมตัวรับมือกับอุบัติเหตุชีวิต
และน่าจะเป็นตัวอย่างจริงๆของชีวิตไว้สำหรับคนที่ยังไม่เตรียมตัวรับมือกับความไม่แน่..
ที่ไม่ควรมีใครมาเรียนรู้และสัมผัสด้วยตัวเอง
และเป็นเหตุผลที่ผมจะไปทำอาชีพเสริม คือเป็นตัวแทนประกันชีวิตเพิ่มอีกอย่าง
เพื่อลูกและอนาคตที่ดีของเขา ผมทำได้ทุกอย่างครับ
สิ่งที่อยากทำ และสิ่งที่ควรทำ
ความรับผิดชอบต่อครอบครัว และอนาคตของลูก
สิ่งเหล่านี้มีคำตอบในตัวมันเองทั้งนั้น